เพื่อต้อนรับภาพยนตร์จากจักรวาล Marvel อย่าง Doctor Strange in the Multiverse of Madness
Story in the BOWL เลยขอเอาใจแฟนคลับด้วยการพูดถึงจักรวาลนี้ทั้งจักรวาล!
อาจจะยาวสักหน่อย แต่พี่เมษ เจ้าของบทความตั้งใจแกะองค์ประกอบมาให้ได้รู้ลึกกันมากขึ้น กับ 11 ปี 22 เรื่องโครงสร้าง Marvel Cinematic Universe ทั้ง 3 เฟส
แต่ขอเตือนก่อนสักนิดว่ามี [icon name=”exclamation-triangle” prefix=”fas”] Spoiled [icon name=”exclamation-triangle” prefix=”fas”] นะคะ
คงไม่มีใครปฏิเสธความยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล #Marvel ได้ ไม่ว่าจะจำนวนหนังที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวเมื่อดูด้วยสายตาของความเป็นภาพรวม และการต่อยอดที่ออกมาจากจักรวาลนี้
[icon name=”play” prefix=”fas”] เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นเมื่อปี 2008
กับการที่มาร์เวลคิดจะสร้างหนังของตัวเอง กับฮีโร่ที่เคยรองบ่อน เพราะว่าตัวเมนหลักๆ ถูกซื้อสิทธิ์ไปสร้างหนังหมดแล้ว ตัวเลือกตัวแรกหวยจึงมาตกที่ #IRONMAN ที่กุมบังเหียนการกำกับโดยจอห์น ฟาฟโรว์ ที่เราต้องยกเครดิตให้จริงๆ เพราะหากหนังเรื่องแรกล้มเหลว เส้นทางการเดินทางของ Marvel Cinematic Universe หรือ #MCU อาจจะยาวไกลกว่านี้
จากหนังที่เหมือนเป็นหนังเดี่ยวๆ กลายมาเป็นหนังที่เหมือนหนังรวมฮีโร่ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเราก็คงเฉยๆ แต่สิ่งที่ MCU ทำไปไกลกว่านั้นมาก นั่นคือการร้อยเรื่องที่เหมือนกับกระจัดกระจายให้กลายเป็นเส้นเรื่องเดียวกัน และพร้อมจะส่งต่อให้ไกลมากขึ้น พร้อมกับไอเดียที่เตลิดเปิดเปิงมากขึ้นในอนาคต
การร้อยเรียงนั้นจบสมบูรณ์ในโครงสร้างเรื่องที่หลายคนอาจจะเคยที่ได้ยินว่าที่เราดูอยู่นั้นคือ Infinity Saga ด้วยหนัง 3 เฟส 22 เรื่อง โดยใช้เวลาในการรับชมเบ็ดเสร็จ 11 ปีกันเลยทีเดียว…
เรียกได้ว่าเป็นหนังที่เราต้องดูเป็นระบบซีรีส์ จากที่ดูก็ได้ไม่ดูก็ได้ หรือดูแยกเฉพาะตัวที่เราชอบก็ได้ กลายเป็นต้องดู เพราะมันมีรายละเอียดที่สอดคล้องต่อเนื่องกัน
งั้นเดี๋ยววันนี้เราลองมาแกะทั้งโครงสร้างของหนัง 22 เรื่อง ว่าหากเป็น 3 องก์แล้ว หน้าตาของมันจะเป็นยังไงกันบ้างครับ
[icon name=”play” prefix=”fas”] มาดูเชิง #ตัวละคร กันก่อน
หากมองทั้งโครงสร้างหลักแล้ว เรื่องนี้มีตัวเอกหลักๆ จริงๆ อยู่สองตัว คือ โทนี่ สตาร์ค และ สตีฟ โรเจอร์ส
เขาทั้งสองปรากฏตัวครั้งแรกและเป็นหนึ่งในผู้นำที่มีเป้าหมายเดียวกัน แต่วิธีการและแนวความคิดแตกต่างกัน ภาพใหญ่ของเรื่องนี้คือความขัดแย้งกันระหว่างซุปเปอร์ฮีโร่สองคนนี้
#Premise : ของหนังชุดนี้ก็อาจจะเป็น “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ผู้มีเป้าหมายเดียวกันต้องมาห้ำหั่นกันเอง” (รึเปล่านะ)
#Theme : ดูจากการเรียนรู้ของทุกคน คือ คนเราทุกคนมีวิถีทางที่แตกต่างกัน และมันมีข้อดีและข้อเสียในทุกทาง ดังนั้นจงยอมรับ และเรียนรู้ทุกวิถีแห่งความแตกต่างไปด้วยกัน
มาดู [icon name=”video” prefix=”fas”] องก์แรก [icon name=”video” prefix=”fas”] กัน
[icon name=”film” prefix=”fas”] #ACT1 ช่วง Set up
ในช่วงแรกของเฟสหนึ่ง Marvel ใช้หนัง 5 เรื่องที่ดูเป็นคนละเรื่องกัน เพื่อปูพื้นกลุ่มตัวละครสำคัญ หนังในช่วงนี้ทำหน้าที่ปูพื้นตัวละครและโลกต่างๆ ที่จำเป็นจะต้องพูดถึงต่อไปในอนาคต (ขอนับ HULK ที่ทำกับ Universal ไว้ด้วยนะครับ) ซึ่งประกอบไปด้วย
Iron Man (2008) // Paramount Picture
เปิดตัวเอกของเรา Ironman
The Incredible Hulk (2008) // Universal Studio — (2009 Disney ซื้อกิจการ Marvel)
แนะนำ Hulk และ บรูซ แบนเนอร์
Iron Man 2 (2010) // Paramount Picture
เปิดตัว Shield อย่างเป็นทางการ
Thor (2011) // Paramount Picture
เปิดตัว ธอร์ และวายร้ายตัวแรก โลกิ แย้มกลายๆ ถึงสิ่งที่เรียกว่า เทสเซอร์แร็ค
Captain America : The First Avenger (2011) // Paramount Picture
เปิดตัวกัปตัน บัคกี้ และความเจ๋งของ เทสเซอร์แร็ค
และหนังเรื่องสุดท้ายของเฟสแรก เรื่องที่ 6 ก็มาทำหน้าที่เป็น #Event_Plot_Point ออกมาได้ชัดเจน นั่นคือ
Marvel’s The Avengers (2012) // Walt Disney Studio
หนังเรื่องนี้เป็นหนังปิดเฟสที่รวมเหล่ายอดมนุษย์อย่างสมบูรณ์ เราได้เห็นกองทัพและความยิ่งใหญ่ของเทสเซอร์แร็คกับสิ่งที่มันทำได้ วางให้เห็นเด่นชัดว่าเมื่อพวกเขารวมกันแล้วใครเป็นยังไง ดูเหมือนการรวมกันครั้งนี้จะทำหน้าที่เป็น #Theme_State อย่างกลายๆ จากวิธีคิดที่แตกต่างของตัวเอกเราทั้งสองคน และหนังก็เข้าสู่เฟสสอง…
ที่เรามองว่าภาพรวมทั้งหมดยังไม่เข้าสู่องก์ 2 แต่เป็นเหมือน #Debate และวางรากต่ออีกหน่อยให้กับโครงสร้างทั้งหมด โดยส่วนนี้จะมีทั้งหมด สามเรื่องด้วยกัน สองเรื่องเราให้อยู่ในส่วน #Debate อีกเรื่องทำให้เกิดการ #Set_Goal ที่เข้มข้น
Iron Man 3 (2013) // Walt Disney Studio (ซื้อคืนจาก Paramount)
เผยให้เห็นด้านเปราะบางของสตาร์ค เพื่อส่งไปสู่หนังรวมหมู่เรื่องถัดไป
Thor : The Dark World (2013) // Walt Disney Studio
ความสามารถของอัญมณีอีกชิ้น นั่นคือ อัญมณีแห่งความจริง (เรียลลิตี้) ถูกแนะนำที่เรื่องนี้ ..และเสริมความแข็งแรงให้ตัวละคร Loki และทำให้เราเห็นธอร์ในด้านที่เปลี่ยนแปลงมากขึ้นจากหนัง Thor เรื่องแรก
Captain America : The Winter Soldier (2014) // Walt Disney Studio
ตอกย้ำให้เห็นวิธีคิดของ สตีฟ โรเจอร์ส — และสร้างให้เกิดความล่มสลายของชิลด์ (ที่อุดมไปด้วยไฮดร้า) และการกำเนิดของกลุ่ม อเวนเจอร์ อย่างเป็นทางการ… และเราได้เห็นความเข้มข้นมากขึ้น
และเราได้เห็นเรื่องราวทั้งหมดพุ่งเข้าสู่ [icon name=”video” prefix=”fas”] องก์ที่สอง [icon name=”video” prefix=”fas”] ครับ
[icon name=”film” prefix=”fas”] #Act2
ปกติจะเป็นส่วนของ #Raise_To_Goal กับส่วนของ #B_Plot ในโครงสร้างใหญ่ขนาดนี้ เรื่องที่เอามาแนะนำให้คนดูใน MCU ได้รู้จัก คือการเปิด B Plot พาเราเข้าสู่โลกอีกใบ (ที่เดี๋ยวจะต้องมาบรรจบกับตัว Plot หลัก) หนังเรื่องนั้นก็คือ
Guardians of the Galaxy (2014) // Walt Disney Studio
ที่ว่าเป็นส่วน B Plot เพราะว่าตัวเรื่องเปลี่ยนไปเล่าโลกอีกใบ แนะนำตัวละครกลุ่มใหม่ และแนะนำอัญมณีให้เห็นชัดให้มีความสำคัญ และเราได้เห็นอัญมณีอีกชิ้นที่มีชื่อว่า อัญมณีแห่งพลัง (พาวเวอร์สโตน) และชื่อของ #ธานอส เริ่มเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้
กลับเข้าสู่เส้นหลักอีกครั้งใน
Avengers: Age of Ultron (2015) // Walt Disney Studio
เรื่องนี้ตอกย้ำให้เห็นความขัดแย้งที่เด่นชัดขึ้นในรูปของการที่ทุกคนกลายเป็นทีมอเวนเจอร์แล้ว รวมถึงเล่าปมในใจของตัวละครแต่ละตัวที่ถูกขยายผลโดยแวนด้า ซึ่งตรงนี้จะเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่ที่สุดที่ตามมา และอีกอย่างคือหนังได้แนะนำตัวละครใหม่ที่เกิดจากการรวมตัวของ อัลตรอน กับจาร์วิช และอัญมณีจิตใจ นั่นคือวิชั่น จักรกลผู้ทรงพลานุภาพ เป็นการขยี้ปมขัดแย้งทั้งหมด และสร้างเหตุการณ์สำคัญที่จะนำไปสู่จุดเปลี่ยนหลัก คือเหตุการณ์ที่โซโคเวีย
และก็แวะมาเข้าสู่ #C_Plot การหย่อนข้อมูลใหม่ที่จะใช้ประโยชน์ในช่วงท้ายเรื่อง กับ
Ant Man (2015) // Walt Disney Studio
เรื่องนี้นอกจากเปิดตัวละคร Antman แล้ว ยังว่าแนะนำให้เรารู้จักกับโลกของควอนตั้มอย่างเป็นทางการ และสิ่งนี้จะกลายสิ่งสำคัญสำหรับท้ายจักรวาลเฟส 3 และเป็นตัวตั้งต้นบางอย่างใน เฟสที่ 4
และก็จบเฟสสองอย่างเป็นทางการ เข้าสู่เฟสสามที่มีจำนวนหนังเยอะที่สุดถึง 11 เรื่อง เพราะเฟสนี้นอกจากปิดเรื่องเก่าแล้ว ยังต้องทำหน้าที่หย่อนทีมใหม่ ที่จะใช้ในเฟส 4 และหนังก็เข้าสู่จุดสำคัญครับ เราเรียกส่วนนี้ว่า #Turning_Point และ #Bad_Coming กับหนัง
Captain America : Civil War (2016) // Walt Disney Studio
หนังเรื่องนี้คือจุดเปลี่ยนสำคัญของจักรวาลที่เชื่อมต่อมาจากเหตุการณ์โซโคเวีย และเกิดสนธิสัญญาโซโคเวียเกิดขึ้นที่ทำให้โทนี่และสตีฟต้องถึงคราวแตกหัก และนี่เป็นหนังเรื่องแรกใน MCU ที่ไม่ใช่หนังอเวนเจอร์ แต่มีการรวมตัวกันของตัวละครมากมายทั้งตัวเก่าที่มากันครบครัน ยกเว้นแก้งค์ในอวกาศอย่างแก้งค์การ์เดี้ยน และ ธอร์ และเปิดตัวละครใหม่ๆ อย่าง Black Panther และ Spider Man /// ซึ่งจุดจบของหนังเรื่องนี้คือทำให้ทีมแตกและสมานกันไม่ได้อีกต่อไป…
หนังใช้ช่วงเวลานี้ขั้นเวลาเพื่อแนะนำตัวละครสำคัญและข้อมูลใหม่ๆ อีกหนึ่งตัว ถือว่าเป็น #C_Plot ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ก็ได้ นั่นคือ…
Doctor Strange (2016) // Walt Disney Studio
นอกจากแนะนำตัวละครหมอแปลกแล้ว ยังแนะนำอัญมณีอีกชิ้น พร้อมกับแนะนำความสามารถของมัน ก็คือ อัญมณีเวลา การวางตัวละครตัวนี้สำคัญมากกับเฟส 4 ที่กำลังมา
และเรื่องราวก็วกกลับมาที่ #B_Plot ที่เคยตั้งเอาไว้อีกครั้ง นั่นคือเรื่องราวใน…
Guardians of the Galaxy Vol. 2 (2017) // Walt Disney Studio
ในเรื่องนี้หนังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของ กาโมร่า และ เนบิวล่า ที่ต้องปูตรงนี้ให้หนักๆ เพื่อเตรียมไว้ใส่เต็มในอเวนเจอร์ภาคต่อไป และหนังก็พาสู่อวกาศ ให้เห็นความสัมพันธ์ของดาวแต่ละดวง และเราได้เห็นแผนการณ์ของธานอสที่เด่นชัดขึ้น — แถมมีแอบเปิดๆ วอชเชอร์มาด้วยใช่มั้ยนะ
เหมือนช่วงนี้เป็นช่วงเวลาแวะ ช่วงเวลาหย่อน ถ้าดูรวดเดียวช่วงนี้จะมีความหย่อนๆ เพราะเป็นการปูส่วนใหม่ๆ ไม่ได้กลับไปสานต่อเรื่องหลักมากเท่าไหร่นัก (แต่ดูเหอะมันมีผลมากจริงๆ) ดูจากทรงช่วงเวลานี้หนังทำตัวเหมือนกลับไปที่ตอน Set Up อีกครั้งครับ คือแนะนำตัวละครต่างๆ ด้วยหนังเดี่ยวๆ กันอีกครั้ง โดยแอบเอา Thor มาคั่นนิดนึง แต่ก็ให้ข้อมูลใหม่ที่สำคัญ และกันคนดูลืมตัวละครตัวนี้ไป หนังกลุ่มนี้ประกอบด้วย 3 เรื่อง คือ
Spider Man : Homecoming (2017) // Sony Picture
เล่าชีวิตปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ และความสัมพันธ์ของเขากับโทนี่ สตาร์ค ซึ่งเป็นการหย่อนเมล็ดพันธ์ดรามาติกเอาไว้สำหรับหนังตัวเองเรื่องต่อไป และจะพาไปสู่เส้นทางใหม่ในจักรวาล
Thor : Ragnarok (2017) // Walt Disney Studio
มาเหมือนกลัวคนลืม แต่ครั้งนี้ก็สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับแอสการ์ด และที่สำคัญที่สุด เป็นการเตรียมตัวเข้าสู่ส่วนท้ายเรื่องอย่างเต็มตัว แอบปูความฮัลค์ไว้ด้วยหน่อยนึงที่หายไปตั้งแต่โซโคเวียแล้ว เรียกว่าเอากลับมาเตรียมพร้อมเพราะหายหน้าไปนาน
Black Panther (2018) // Walt Disney Studio
หนังหย่อนวากานดาไว้เพื่อพูดถึงเรื่องไวเบรเนียม ที่ค้างๆ เติ่งๆ มาตั้งแต่อเวนเจอร์ เทคโนโลยีที่อาจจะพาไปสู่การเป็นเกมเชนเจอร์ในเส้นเรื่องหลัก
หลังจากแวะปูทางกันมานาน ที่เราไม่สามารถจัดกลุ่มให้ลงช่วงไหนบนโครงสร้างได้ ยกเว้นเพื่อให้เกิดการปูทางไปสู่ไคลแม็กซ์อันยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในหลังจากนี้
#Falling_Down เรื่องราวกลับเข้าสู่เส้นเรื่องหลักอีกครั้งใน…
Avengers : Infinity War (2018) // Walt Disney Studio
ซึ่งคราวนี้หนังไม่ได้มาแบบหนังรวมดาวดูเอามัน แต่หนังว่าด้วยแผนการของธานอส กับการลดประชากรจักรวาลเพื่อรักษาทรัพยากรของจักรวาลเอาไว้ รอบนี้หนังสร้างความสูญเสียมากมายให้เกิดขึ้นในการยับยั้งแผนการของธานอส หลังจากที่รวบรวมอัญมณีทั้งหมดครบแล้ว …เปิดเรื่องมาก็มีคนสำคัญตายเลย เดินเรื่องไปก็มีคนตายอีก และสุดท้ายก็อย่างที่รู้กัน คนตายเป็นเบือ เข้าสู่ช่วง Falling Down อย่างแท้จริงเมื่อบทสรุปของภารกิจไม่ใช่ความสำเร็จ และความสัมพันธ์ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย
แต่เรายังไม่เข้าสู่องก์สามกันนะครับ ท้ายองก์สองเรายังต้องไป #Find_The_Way กันนิดนึง (เรื่องเก็บส่วน Learn lesson ของตัวละครหลักไปที่ Climax) และเรามีหนัง 2 เรื่องที่ทำหน้าที่ปูทางสร้างทางออกให้กับเหล่าฮีโร่ของเรานั่นก็คือ…
Ant Man and the Wasp (2018) // Walt Disney Studio
หนังเล่าเหตุการณ์ที่เหมือนเป็นเหตุการณ์ก่อนหน้าช่วงเวลาในอินฟินิตี้วอร์สเล็กน้อย เป็นช่วงหลังจากซีวิลวอร์ หลักๆ เพื่อแนะนำสิ่งสำคัญมากๆ นั่นคือเทคโนโลยีควอนตั้ม และหนังจบลงที่การสลายไปของแฮงค์ พิม และคนอื่นๆ โดยที่ทิ้ง แลงค์ ไว้ในมิติควอนตั้มนั่นเอง…
Captain Marvel (2019) // Walt Disney Studio
หนังพาเราย้อนอดีตไปเพื่อปูตัวละครสำคัญที่ได้ปูไว้ในท้ายเครดิต อินฟินิตี้วอร์ส หนังพาเรากลับไปยุค 90 ได้เจอกับ นิค ฟิวรี่ ในวัยหนุ่ม ได้เห็นเทสเซอร์แรค หรือ พาวเวอร์สโตน อัญมณีแห่งพลังอีกครั้ง และให้เราได้พบกับหญิงสาวสุดเจ๋งกับพลังไร้ขีดจำกัดที่มีนามว่า กัปตันมาร์เวล และพลังมหาศาลนี้เอง เธอคือหนึ่งตัวช่วยที่จะคลี่คลายเหตุการณ์พังพินาจที่ผ่านมาในปัจจุบัน // และที่แจ๋วกว่าคือ ตัวละครสำคัญในเรื่องนี้ ก็จะไปมีบทบาทสำคัญมากๆในเฟสที่ 4
เราจบองก์สองกันที่ตรงนี้ครับ // โอย…เหนื่อยจุง 555
[icon name=”film” prefix=”fas”] #Act3
#Climax และเราก็เดินทางเข้าสู่ไคลแม็กซ์ของเรื่อง ด้วยหนังเรื่องเดียวเลย นั่นคือ…
- Avengers : Endgame (2019) // Walt Disney Studio
ทุกเรื่องเล่าย่อมมีปลายทาง และนี่คือบทสรุปของทุกสิ่งทุกอย่าง การเผชิญหน้า ความสัมพันธ์ — และการใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปูเอาไว้ นำมาสู่ปลายทางหนึ่งเดียว นั่นคือสงครามครั้งสุดท้าย หนังเริ่มเรื่องด้วยการส่งความสิ้นหวังจากท้ายอินฟินิตี้วอร์มาเป็นจุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้ ก่อนจะพาเราไปพบว่าไม่มีมณีเหลืออีกต่อไป หนังบ้าบอมากๆ ที่ทำให้เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของแต่ละคนหลังเหตุการณ์ดีดนิ้วของธานอส พร้อมกับภารกิจที่พาตัวละครกลับไปยังรากของตัวเอง และค้นพบว่าสิ่งสำคัญที่สุดคืออะไร … โทนี่ก็ลดอคติกับสตีฟ และนำพามาสู่การกลับมาของคนครึ่งจักรวาล แต่แลกกับการจากไปไม่มีวันกลับของคนสองคน มีบางอย่างที่หนังหย่อนไว้ นั่นคือเรื่องของควอนตั้ม กับการย้อนเวลาที่จะนำไปสู่กระแสเวลาใหม่ที่เรียกว่ามัลติเวิร์ส
หนังพาเราไปหาบทสรุปของตัวละครแต่ละตัวที่ยังเหลืออยู่ และเตรียมการส่งต่อทุกอย่างไปยัง เฟสสี่ การตายของคนสำคัญ การส่งต่อภารกิจ และการเดินทาง… ในหนัง End Game หนังทำหน้าที่ทั้งไคลแม็กซ์และบทสรุปได้อย่างสมบูรณ์แบ แต่!!! มันยังไม่จบ เรายังไม่ปิดเฟสสาม หากปราศจากหนังที่ทำหน้าที่ส่งต่อ เราของเรียกคำแหน่งนี้ว่า…
- Spider Man : Far From Home (2019) // Sony Picture
หนังเล่าเรื่องโลกจากการกลับมาของผู้คนที่หายไป 5 ปี ทำให้คนดูทั้งหมดได้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น และผลกระทบต่อตัวปีเตอร์ ปาร์คเกอร์จากการจากไปของโทนี่ สตาร์ก แต่ช่วงนี้ MCU แกงคนดูเก่ง หนังได้ปูถึงมัลติเวิร์ส ที่ไม่มีอยู่จริงในหนังตัวอย่าง แต่เป็นเหมือนการชิมลางสร้างความเข้าใจ และโยนไว้ซึ่งสะพานชิ้นใหญ่ ที่จะพาไปสู่เฟสสี่ และทำให้คนดูต้องเฝ้ารอคอย…
และส่วนต่อไปก็คือ “อนาคต” ของ Marvel ครับ
และนั่นคือทั้งหมดที่ MCU สร้างขึ้นมาครับ ทั้งหมดเป็นเหมือนการทดลองการเล่าเรื่องชิ้นใหญ่ ที่สตูดิโออื่นได้แต่มองตาปริบๆ เมื่อเราคิดว่าเขาจะทำอะไร เขาก็ไปไกลกว่านั้นเสมอ เราลองไปส่องเฟสสี่กันนิดนึง
และเราก็มีช่วงผ่านของเวลาในช่วงโควิคเพื่อต้อนรับเฟสสี่กับ #Disney+ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นใหม่หลังจากตำนานอัญมณี นั่นคือการก้าวเข้าสู่ Multiverse อย่างเต็มตัว
1. WandaVision (2021 on Disney+) — ปู Scarlet Witch บอกที่มาให้โลกรู้จัก
2. The Falcon and the Winter Soldier (2021 on Disney+) — ทำให้คนอินกับ กัปตันอเมริกาคนใหม่
3. Loki (2021 on Disney+) — ปูโลก Multiverse กฏ กติกา มารยาท และเอาโลกิกลับมาใน MCU
4. Black Widow (2021) — ปู Black widow คนใหม่
5. What If…? (2021 นี้ บน Disney+) — แนะนำ The watcher และให้เห็นความเป็นไปได้ใน Multiverse
6. Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings (วันที่ 3 กันยายน 2021) — แนะนำชางชี และ เทนริงส์ (ที่ได้ยินมาตั้งแต่ Iron man1) // ยังไม่ได้ดู ข้างล่างนี้ยังคาดเดากันอยู่ต้องรอดูต่อไปครับ
7. The Eternals (วันที่ 5 พฤษจิกายน 2021)
8. Ms. Marvel (ปลายปี 2021 บน Disney+)
9. Spider-Man: No Way Home (17 ธันวาคม 2021)
10. Hawkeye (ปลายปี 2021 on Disney+)
11. Doctor Strange in the Multiverse of Madness (25 มีนาคม 2022)
12. Thor: Love and Thunder (6 พฤษภาคม 2022)
13. Black Panther: Wakanda Forever (8 กรกฎาคม 2022)
14. The Marvels (11 พฤศจิกายน 2022)
15. Ant-Man and the Wasp Quantumania (17 กุมภาพันธ์ 2023)
16. Guardians of the Galaxy: Vol. 3 (5 พฤษภาคม 2023)
ดังนั้น เราเห็นหลายคนอยากดูหนังแบบเรียง Timeline แต่เอาจริงๆ ดูตามปีที่สร้างน่าจะเป็นวิธีการรับรู้เรื่องราวที่ผู้สร้างตั้งใจจะให้เราได้รับข้อมูลตามลำดับที่เขาจัดเรียงกันไว้แล้วครับ แต่ใครจะดูตาม timeline เพื่อลองรสชาติใหม่ๆ ก็เมนต์มาบอกกันนิด ว่าความรู้สึกที่ได้ต่างกันมากน้อยขนาดไหนครับ
และนี่คือการสร้างเรื่องราวขนาดใหญ่ ที่เราลองแกะมาให้ดูกัน เป็นบทความที่เขียนยากมาก ให้กำลังใจกันนิด ถ้าชอบกดไลค์ ถ้าใช่กดแชร์ คอมเมนต์พูดคุยกันได้นะครับผม
รูปสวยจัง
ตายเเล้วต้องย้อนไปดูให้ครบ55 ขอบคุณมากนะคะ ข้อมูลเเน่นมากต้องทำการบ้านหนักกว่าจะสรุปได้