“ทอม สิริ” นักเขียนที่เริ่มต้นความฝันหลังวัยเกษียณ กับการแสวงหาวิธีพัฒนางานเขียนให้ปังกว่าเก่า
วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปรู้จักกับ ลุงทอม สิริธนา หงษ์โสภณ นักเขียนผู้หลงรักการอ่านนิยายจนก้าวเข้ามาทำเป็นอาชีพ มีผลงานการเขียนนิยายมามากมาย เรียกได้ว่าเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง แต่แล้ววันนึงก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า งานเขียนที่ทำอยู่นั้นสามารถดียิ่งกว่าที่เป็นอยู่ได้หรือไม่ และเธอทำอย่างไรเพื่อลับฝีมือของตัวเองให้คมยิ่งกว่าเดิม ตามมาฟังกันเลยค่ะ
สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ชอบอ่านแนวสืบสวนสอบสวน สยองขวัญ จะต้องรู้จักนามปากกา ‘ทอม สิริ’ อย่างแน่นอน นอกจากนามปากกานี้แล้วลุงทอมยังมีนามปากกาอื่นๆ ไว้เลือกใช้ตามประเภทงานเขียนด้วย อาทิ ลุงทอม, ยายทอง, อำแดงกลีบ ธมนตรา แต่ส่วนใหญ่จะใช้นามปากกา ‘ทอม สิริ’ เป็นหลัก
ก่อนหน้าที่จะเป็นนักเขียนเคยเป็น Creative งานโฆษณาสาย Copywriter จากนั้นก็ผันตัวไปเป็นนักแต่งเพลงอยู่สองสามปี พอเกษียณจึงหันมาเขียนนิยายจนถึงปัจจุบัน
อะไรจุดประกายให้เขียนนิยาย?
คือเราเป็นคนชอบอ่านอยู่แล้ว แต่มีช่วงหนึ่งที่ทำงานหนักก็หยุดอ่านไป แล้วพอช่วงใกล้เกษียณกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็ยังรู้สึกว่ามันยังสนุกเหมือนเดิม ประกอบกับที่ได้ไปเจอเว็บไซต์แห่งหนึ่งชื่อ forwriter.com โดยคุณฟีลิปดา ในนั้นจะมีบทความสำหรับคนที่อยากเริ่มเป็นนักเขียนซึ่งแต่ละบทความเนี่ยดีมากเลย อยากให้ไปลองอ่านกันดู มันจุดไฟให้เกิดความรู้สึกอยากลองเขียน เจ้าของเว็บไซต์ก็ Nice มาก ชวนทุกคนมาเขียนด้วยการจัดแรลลี่ให้สมาชิกในเว็บฯ มาเขียนแข่งกันในสามเดือน เราก็ลองไปลงกับเขาด้วยและก็ทำได้ เลยได้ความมั่นใจมา พูดได้เลยว่างานของ ‘ทอม สิริ’ เริ่มขึ้นจากตรงนั้น
หลังจากนั้นทำอย่างไรให้ผลงานที่มีเป็นที่รู้จัก
อยากบอกว่าโอ้โห ยากจริงๆ ค่ะคุณขา ด้วยความที่เราไม่รู้อะไรเลย มันก็มืดมนไปหมด ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มตรงไหน ตอนนั้นลองส่งสำนักพิมพ์แต่ก็ไม่ผ่าน พอไม่ผ่านก็เลยคิดว่าไม่ส่งละ เขียนเก็บไว้เองดีกว่า แบบว่ามีความสุขที่ได้เขียนก็พอ ก็เลยเขียนนิยายชุด นักสืบกานต์พิชชา ขึ้นมา
เหมือนอะไรๆ จะไม่เป็นดั่งหวัง แต่จู่ๆ สำนักพิมพ์กรีนมายด์ที่เราเคยส่งผลงานไป ติดต่อมาว่าสนใจงานของเราเพราะทางสำนักพิมพ์อยากจะเปิดเซคชั่นใหม่แนวสืบสวนสอบสวน เราเลยส่งผลงาน นักสืบกานต์พิชชาเล่มแรก ตอน จัดฉากฆ่า ไปให้อ่าน และก็ส่งเรื่อง อาชญนิยายของนายตั้งต้น ตอน รัก-เล่ห์-เสน่ห์-แค้น ไปด้วย ปรากฏว่าผ่านทั้งหมด และได้ตีพิมพ์ยกชุดทุกเรื่องเลย เราถือว่าตัวเองได้เป็นนักเขียนเต็มตัวก็ที่กรีนมายด์นี่แหละ
หลังจากได้ตีพิมพ์แล้วเป็นยังไงบ้าง?
ขายได้ค่ะ ก็รู้สึกดีใจมากที่เรื่องของเราเป็นที่รู้จัก ทั้งชุดนักสืบกานต์พิชชา และ อาชญนิยายของนายตั้งต้น จนทุกวันนี้ก็ยังมีคนพูดถึงงานของเราอยู่ แล้วก็เรื่อง อาชญนิยายของนายตั้งต้น เราก็ยังเขียนต่อเนื่องอยู่ ปัจจุบันนี้มีทั้งหมดสามเล่ม รักเล่ห์เสน่ห์แค้น ซ่อนรักลวงฆ่า พล็อตรักพิษแค้น อันนี้เป็นเรื่องของนายตั้งต้นที่เป็นนักเขียนนิยาย ซึ่งมีคนรักเป็นตำรวจหญิง หมวดมิ้นต์ สามเล่มแรกเป็นซีซั่นหนึ่ง ทีนี้คนก็ยังคิดถึงนายตั้งต้นอยู่ เราก็เลยเอามาเขียนเป็นซีซั่นสอง คราวนี้ให้บทมาเด่นอยู่ที่หมวดมิ้นต์ เป็นผู้หมวดหน้าหวานกับคดีพิสดาร ซึ่งตอนนี้ก็ออกไปเป็นเรื่องสั้นสามเรื่อง จับมารวมเป็น 1 เล่ม ทำขายเอง เนื่องจากพอเรายึดเป็นอาชีพแล้วจะให้รอพิจารณาจากสำนักพิมพ์มันก็ไม่ไหว เราตายก่อนแน่เลย
ทำมาสิบปีแล้วก็ยังพบปัญหาในงานเขียน
คือเรายังเขียนได้ ยังมีงานเขียนออกมาสม่ำเสมอ แต่ช่วงแรกๆ ที่เริ่มต้นเขียนใหม่ๆ การเขียนของเราเหมือนหมูไม่กลัวน้ำร้อน เรากระโจนใส่เข้าไปแล้วก็เขียนมันแบบเต็มที่ สนุกสนานกับมันโดยไม่รู้ถูกผิดยังไง ขอแค่เขียนไปก่อน แต่พอเราได้อยู่กับงานมานานขึ้น เราก็จะรู้สึกว่าต้องระวังมากขึ้น เราจะเริ่มเอ๊ะแล้วว่า มันสนุกกว่านี้ได้ไหม? เอ๊ะซับซ้อนกว่านี้ได้เปล่า? เอ๊ะเราอยากให้คนรักตัวละครต้องทำยังไง? มันจะเอ๊ะมาตลอดทางเลย จึงต้องแสวงหาทางพัฒนาตัวเองแล้ว เริ่มจากการอ่านบทความต่างๆ ทางอินเตอร์เน็ต และก็ดูหนัง ดูละคร แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันดีได้กว่านี้สิ มันต้องว้าวกว่านี้ จนกระทั่งหนูคอปเตอร์ คุณรำไพก็บอกว่า “ลุงทอม เราไปเรียนกับ Story BOWL มามันดี๊ดีล่ะ ลองสิ” เราก็เลยลองดู
เราลองเข้าไปอ่านบทความของพี่เมษก่อน อ่านนู่นนี่นั่นใน Story BOWL แล้วก็เอ๊ะ ดีอะ จริงด้วยอะ มันใช่เลย พยักหน้ากับตัวเองอยู่อย่างนั้น แล้วพอ Story BOWL เปิดให้สมัครเรียนแบบสมาชิกรายปีเราก็ไม่รีรอเลย หลังจากสมัครแล้วก็ได้อ่านบทเรียนฟรี เราก็กระโจนเข้าไปในขุมพลังความรู้เลย ปรากฏว่า Happy มากๆ โอ้โห…แบบว่าเปิดโลกสุดๆ
เมื่อเข้ามาทำความรู้จักกับ Story BOWL ประทับใจอะไรบ้าง
เรามองว่าใน Story BOWL เนี่ยแบ่งเป็นสองก้อนนะ หนึ่งคือ ส่วนของวิชาความรู้ที่พี่เมษกับกูรูทั้งหลายที่เชิญมา ตรงนั้นอือหือสุดๆ มันแบบว่าเติมเต็มอะไรบางอย่าง มันชี้ให้เราเห็นสิ่งที่มันเคยอยู่ตรงหน้าแต่เราไม่เคยเห็น และก็ชี้ว่าอยู่ตรงนี้ไง ยกตัวอย่างเช่นนะ 5W Who What Where When Why แล้วพี่เมษแยกเอา Why กับ How ออกมาในอีกสเตปนึง มันสำคัญมากนะสองอันนี้ นี่คือหัวใจเลย มันคือตัวที่ทำให้เรื่องสนุก มันคือสิ่งที่ทำให้คนติดตามตัวละคร มันอยู่ตรงหน้าเราตลอดเวลาเลยนะแต่เราไม่เห็น จนกระทั่งพี่เมษชี้ให้เห็น
แล้วพี่เมษนี่เป็นคนที่คมชัดมาก สิ่งที่แกมองเนี่ยมันจัดระเบียบทุกอย่างให้ง่ายขึ้น เห็นชัดขึ้น เหมือนเรามีจิ๊กซอว์กองใหญ่มหึมาอยู่ในหัว พอหลังจากเรียนแล้ว จิ๊กซอว์เหล่านี้มันได้ถูกจับแยกสี แยกลายออกมา แล้วก็ถูกใส่ตัวเลขไว้ให้เลย มันทำงานง่ายมาก และเร็วมากด้วย
ส่วนที่สองก็คือ Tool ใน Story BOWL โอ้โหคิดได้ไงเนี่ย มันเหมือนมีคนมาปักธงให้เราเลยว่า นี่ตามมาทางนี้ เอ้ยตรงนั้นอย่าไปเดี๋ยวออกทะเล มาทางนี้ดีกว่า มันง่ายมาก ชอบมาก!
ได้นำความรู้ที่เรียนมาไปปรับใช้ยังไงกับงานของตนเองบ้างไหม?
ใช้แล้วค่ะ เขียนจบไปหนึ่งเรื่องแล้วด้วย เข้าไปใช้ Tool ใน Story BOWL ทันทีเลยหลังจากที่เรียนและอ่านบทความจบหมดแล้ว ตอนเริ่มใช้แรกๆ ก็จะมีกุกกักๆ งงๆ นิดหน่อย มันจะมีวิธีใช้อยู่ ให้เราก็ไปอ่านไกด์อีกที พอเริ่มใช้ครั้งที่สองก็คล่องขึ้น คราวนี้เริ่มสนุกละ และผลงานเล่มใหม่ล่าสุดเราใช้ Story Tool ในการเขียนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบเลย เป็นนิยายดราม่าผี ‘เรื่องตามรักตามปรารถนา’ เปิดให้ Pre-Order เรียบร้อยแล้ว หากเพื่อนๆ สนใจสามารถสั่งจองได้ที่นี่เลยค่ะ https://www.facebook.com/tomsirithewriter
นอกจากเรื่องตามรักตามปรารถนา ก็มีอีกเรื่องนึงที่ทำ Treament เสร็จแล้ว กำลังเริ่มเขียนไปได้ประมาณห้าหกบท คือ เรื่องความลับในราวป่า เป็นแฟนตาซีสืบสวนเกี่ยวกับแมวตาทิพย์ อย่าลืมรอติดตามกันนะคะ
ในผลงานของตัวเองมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ตอนนี้กำลังรอ Feedback จากผู้อ่านอยู่เลย แต่ในส่วนของตัวเองนะ อย่างแรกที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดเลยคือการทำงานที่ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ชัดเจนขึ้น แต่ก่อนเราไม่เคยจะติดอยู่กับ Theme เลยนะ เวลาคิดงานก็จะคิดแค่ว่าฆ่าตัวละครอย่างไรให้มันน่าสนใจ ไขคดียัง แรงจูงใจมันคืออะไร พูดง่ายๆ ว่า แรงบันดาลใจต่างๆ ประเด็นต่างๆ ดึงมันขึ้นมา เสร็จแล้วเราก็มาหาต้นกลางท้าย แล้วกว่าจะได้มันมานะนานมากๆ คือเรารู้แหละว่าจะฆ่ายังไง แต่ตรงหัวกับท้ายล่ะจะยังไง
แต่หลังจากได้ Tool มาเนี่ย ทุกอย่างเปลี่ยนไปเลย เราเห็นตำแหน่งหน้าที่การทำงานของแต่ละไอเดียชัดเจนมาก การยึดติดกับ Theme ที่พี่เมษย้ำนักย้ำหนาเนี่ย มันทำให้เราไม่ออกทะเล และช่วยในการคิดได้มากเลย เมื่อไรที่คิดไม่ออกให้ย้อนกลับไปว่า Theme เราคืออะไร แล้วไอเดียมันจะมาเอง สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เรายึดติดกับ Theme หลังจากที่เขียนจบแล้ว คือ เอ้ย เรื่องนี้มันมากกว่าใครฆ่าใคร และใครคือฆาตรกร มันคือการที่คนเขียนจะบอก Message อะไรถึงคนอ่านด้วย นี่คือสิ่งที่ทำให้เรื่องเราเปลี่ยนไปมาก ทุกอย่างมันแสดงออกไปหมด ทั้งจิตวิญญาณ และวิธีคิดของเราด้วย เรื่องมันลึกกว่าเดิม แต่เราก็ไม่รู้หรอกนะว่างานที่เราเขียนออกไปคนอ่านจะคิดยังไง แต่นี่คือสิ่งที่คนเขียนรู้สึก หลังจากได้เรียนรู้กับ Story BOWL และได้ใช้ Tool
คำว่า “ความสำเร็จ” ในงานเขียนสำหรับเราคืออะไร
การทำให้คนอ่านรู้สึกสนุกกับงานของเราจนเอาไปบอกต่อ หรือต้องไปหางานอื่นๆ ของเรามาอ่าน ตรงนั้นแหละใช่เลย
อยากฝากอะไรถึงคนที่อยู่ในวงการเขียนเหมือนกัน
ฝากถึงเพื่อนๆ ที่อยากลองมองหาอะไรใหม่ๆ แนวทางใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ หรือว่าสังคมที่พูดคุยเกี่ยวกับงานเขียน งานของพวกเรา Story BOWL เป็นบ้านอีกหนึ่งหลังที่น่าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง รับรองว่าไม่ผิดหวัง ได้ประโยชน์แน่นอน ทีมงานขยันกันมาก อัปเดตบทความถี่มาก มีแต่ความรู้ทั้งนั้นเลย และยังมีคำแนะนำดีๆ ที่นี่เป็นสังคมที่ดีมากๆ อยากให้เข้ามาแจม
และนี่คือความรู้สึกจาก ‘ทอม สิริ’ นักเขียนที่นำเครื่องมือของ Story BOWL ไปปรับใช้เพื่อพัฒนางานเขียนให้โดดเด่นยิ่งกว่าเดิม เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หลังจากได้ฟังประสบการณ์ตรงจากนักเขียนที่เป็นมืออาชีพอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดแสวงหาความรู้ใหม่ๆ มาอัปเกรดทักษะของตัวเองให้ดียิ่งกว่าเก่า หวังว่าบทความนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆ มีกำลังใจในการพัฒนาตัวเองต่อไปนะคะสำหรับใครที่อยากลองใช้ Tool เพื่อเสริมความแข็งแรงให้งานเขียนที่กำลังทำอยู่ดูก่อน จิ้มที่นี่เลยค่ะ https://storybowl.co/tools หากใช้แล้วถูกใจ อยากพัฒนางานเขียนของตัวเองไปให้ดียิ่งขึ้นลองมาเป็นสมาชิก BIG BOWL เรียนรู้กันแบบไม่จำกัดตลอดปีได้เลยนะคะ สนใจสมัครที่นี่ https://storybowl.co/membership-levels/ หรือติดต่อแอดมินเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม Add LINE : https://lin.ee/ACqrmzn