วันนี้คุณสนใจอยากเรียนเรื่องอะไร...

“ปัญหาต้องมา ความขัดแย้งต้องมี วิกฤติต้องเกิด” [9+1 องค์ประกอบสร้างเรื่องให้โดนใจ The Series ep.4]

สามารถอ่านทั้ง Series ได้ตาม Link ด้านล่าง (ปัจจุบันออกมาทั้งสิ้น 6 EP)

EP: 1 เปิดเรื่องให้โดน

EP: 2 ตัวละครต้องน่าเอาใจช่วย

EP: 3 เป้าหมายต้องยากลำบาก ถ้าพลาดต้องเดือดร้อน

EP: 4 ปัญหาต้องมา ความขัดแย้งต้องมี วิกฤติต้องเกิด

EP : 5 ตัวร้ายต้องเก่ง ต้องแจ๋ว หรือต้องแซ่บ

EP : 6 เวลาถึงช่วงที่พระเอกตกต่ำ ต้องเอาให้จมดิน

ปัญหาต้องมา ความขัดแย้งต้องมี วิกฤติต้องเกิด

ตัวละครต้องมีเป้าหมาย เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้ผู้เสพเรื่องราวเอาใจช่วย คือสิ่งที่เราคุยกันไปใน Ep3

ใน EP นี้ เราจะมาคุยกันถึงสิ่งสำคัญอีกอย่างหลังจากที่ตัวละครมีเป้าหมายอย่างชัดเจนแล้ว

คราวที่แล้วเราบอกไปแล้วว่าเป้าหมายของตัวละครต้องยากลำบาก ไอ้ความยากนี่ล่ะครับจะก่อให้เกิดสามสิ่งนี้ขึ้นมา เป็นสามสิ่งที่จะทำให้เรื่องเข้มข้น และยกระดับการเอาใจช่วยเข้าไปอีกครับ ส่วนนี้จะทำให้เรื่องของเราน่าติดตามด้วย ทำให้ผู้เสพเรื่องราวอยากรู้ว่าเรื่องราวมันจะเป็นอย่างไรต่อไป เขาจะทำภารกิจของเขาสำเร็จหรือไม่นะ 

ซึ่งในกลุ่มปัญหานี้ เราขอแบ่งออกเป็นสามอย่างสามเลเวล ตามที่จั่วหัวไว้เลยนะครับผม

1 ปัญหา Problem 

อันนี้เป็นระดับต้น คือหลังจากตัวละครเอกของเรามีเป้าหมายแล้ว เขาจะต้องหาวิธีในการบรรลุเป้าหมายนั้น และอย่างที่เราเคยบอกไว้ในตอนที่แล้วคือ เป้าหมายต้องยาก นั่นมันทำให้เหมือนเขาได้เดินทางเข้าไปยังโลกไปใหม่ที่พี่คุ้นเคย และแน่นอน..เมื่อมันไม่คุ้นเคยมันย่อมมีปัญหาเกิดขึ้นครับ ซึ่งปัญหานี้มันจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้ตัวเอกของเราต้องแก้เนอะ แต่มันจะมีลักษณะของการแก้ง่าย แก้แล้วผ่าน ไม่กระกอบกับอะไรมากมาย อย่างเช่น “โฟร์โดกับแซมจะเดินทางไปยังมอร์ดอร์ แต่เจอขอนไม้ขวางทางอยู่” มันเป็นอุปสรรคที่เป็นปัญหาครับ หากเขาแก้ได้ เขาก็ผ่านไปได้ อาจจะทำให้เกิดปัญหาใหม่อีก เช่น เอาขอนไม้ออกได้ แต่ทางขาด ต้องสร้างสะพานข้ามไป 

ข้อสังเกตุหลักๆของกลุ่มปัญหาคือ มันทำให้น่าสนใจในตอนนั้น ไม่ได้ผลักเรื่องราวหรือผลักความสัมพันธ์ไปข้างหน้าเท่าไหร่ ถ้าในเรื่องเรามีแต่ปัญหาแล้วแก้ไปเรื่อยๆ มันจะมีลักษณะเหมือนเกมตะลุยด่านครับ คือสนุกในแต่ละด่าน แต่จะรู้สึกเหมือนเรื่องราวไม่เดินไปข้างหน้า คำถามแล้วจะเป็นยังไงต่อจะไม่เกิดขึ้น 

ถ้าจะให้ดีที่สุด ในช่วงการแก้ปัญหานั้นควรเกิดอีกสิ่งตามมาที่เป็นผลพวงจากการพยายามแก้ปัญหา นั่นก็คือ

2 ความขัดแย้ง Conflict 

อันนี้นี่สำคัญมากเลย มันทำให้เรื่องเข้มข้น และเมื่อเกิดความขัดแย้ง คำถามในใจผู้เสพเรื่องราวจะมาทันที เอ๊ะ… แล้วมันจะเป็นยังไงต่อนะ เรื่องราวจะถูกผลักไปข้างหน้า มันเป็นความยุ่งยากอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องที่พร้อมให้คนดูเกิดคำถาม และสร้างทางแยกของเรื่องราวต่างๆออกไปได้มากมาย ซึ่งภาพใหญ่ของความขัดแย้งจะแบ่งออกเป็นสองมิติคือ ภายนอก กับ ภายใน ภายนอกก็มีหลายระดับนะ ระดับบุคคล ระดับองค์กร ระดับสังคม ส่วนภายในก็เป็นการขัดแย้งกับตัวเอง ลองสมมุติกันดูแล้วกัน

“โฟร์โดกับแซมจะเดินทางไปยังมอร์ดอร์ แต่เจอขอนไม้ขวางทางอยู่ แซมพยายามเอาขอนไม้ออก ในขณะที่โฟรโดเอาแต่ชี้นิ้วสั่ง จนแซมรู้สึกขึ้นมาว่า เอ๊ะทำไมเราต้องทำสิ่งนี้คนเดียวนะ” …เห็นมั้ยเริ่มขัดแย้งกันแล้ว ในการแก้ปัญหาก่อนหน้า มันทำให้เกิดความขัดแย้งแล้วสิ เขาเริ่มโวยวายโฟรโด และโฟรโดทำเป็นไม่สน อันนี้ภายนอกเห็นเลย ว่าเพื่อนขัดแย้งกัน “…แต่โฟรโดไม่ยอมที่จะขอโทษทั้งๆที่ใจอยาก แต่ว่าเขาจะทำให้แซมรู้สึกเหนือกว่าเขาไม่ได้” …เห็นมั้ยครับ มีทั้งขัดแย้งภายนอก และภายในครบ ถึงตรงนี้ผู้เสพเรื่องราวจะเริ่มคิดว่า เอ๊ะ แล้วมันจะเป็นยังไงต่อไปนะ  มันจะแตกขยายความเป็นไปได้ในจินตนาการของเขาไปมากมายเลย เขาจะแยกทางกัน เขาจะตีกันไปตลอดการเดินทาง หรือจะมีอะไรเข้ามาแยกเขาออกจากกัน หรือเขาจะขัดแย้งกันจนกลายเป็นตัวร้ายกันไปซะเอง อะไรแบบนี้ 

นี่แหละ คือพลังของความขัดแย้ง และเมื่อขัดแย้งไปมันอีนุงตุงนัง ยกระดับจากเรื่องเดียวไปหลายเรื่อง หรือระดับมันเข้มข้นมาพอ มันจะพาไปสู่เลเวลถัดไป…คือ

3 วิกฤติ Crisis

จุดนี้คือจุดที่พาตัวละครเข้าไปสู่จุดตกต่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หันหลังกลับก็ไม่ได้ ไม่ทำอะไรก็ลงเหว ทำก็ไม่เป็นผลดี จะเดินหน้าต่อก็เหมือนจะไปไม่ถึง มันคือจุดตำ่สุดของหุบเหวที่แทบมองไม่เห็นปากหลุม และวิกฤติที่ดี ควรสืบเนื่องมากจากสองอย่างก่อนหน้าของเขาล่ะครับ จังหวะนี้ผู้เสพเรื่องราวจะเอาใจช่วยแบบที่สุด ทั้งๆที่เหมือนรู้ว่าสิ้นหวังแล้วก็ตาม มาลองดูกันเราจะสร้างวิกฤติอะไรให้โฟรโดกับแซมได้บ้าง

ต่อนะ “แซมไม่พอใจโฟรโด เมื่อย้ายขอนไม้ยักษ์ได้ พวกเขาพบว่าทางมันขาด ทางเดียวที่จะข้ามมันไปได้คือต้องทำสะพานข้าม แซมรู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องเป็นคนทำ เขาเริ่มลงมือทำหวังจะให้เสร็จก่อนมืด แต่โฟรโดก็เอาแต่เห็นแย้ง ชี้นิ้วสั่ง จนแซมทนไม่ไหว ทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรง แซมกำลังจะแยกตัวกลับ และปล่อยให้โฟรโดไปต่อคนเดียว โฟรโดไม่ยอม ทั้งคู่ยื้อกันไปมาและก็ทำให้แซมผลัดตกลงไปในหุบเหวลึกตรงหน้า 

โฟรโดตกใจ ทั้งกลัวทั้งรู้สึกผิด หากกลับไปหมู่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือตอนนี้เขาอาจจะต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร จะเดินทางไปข้างหน้าก็ไม่ได้ยังไงก็ห่วงเพื่อนคนนี้ แต่จะลงไปช่วย เขาไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้เลย เขาไม่เคยทำอะไรโดยไม่มีแซม” 

ที่ว่ามาทั้งหมดคือเราทำให้โฟรโดเข้าสู่จุดวิกฤติ ซึ่งทางเดียวที่เขาจะแก้ได้คือเขาต้องทิ้งอะไรบางอย่างในตัวเอง… ถึงตรงนี้เหล่าผู้เสพเรื่องราวจะใจจดจ่อ อยากรู้แล้วว่ามั้งหมดนี้มันจะคลี่คลายไปทางไหน เขาจะรอดมั้ย??? 

นี่ล่ะครับ คือสามอย่างที่เราพูดถึงมา ปัญหา อุปสรรค วิกฤติ องค์ประกอบที่ทำให้เรื่องราวเข้มข้น ดันเรื่องราวไปข้างหน้า และยังเป็นกลไกที่จะทำให้ตัวละครได้เกิดใหม่ในองก์ถัดไปด้วย 

ลองหาดูในเรื่องของเราเองนะครับ ว่าเรามีอะไรบ้าง และมันส่งต่อกันยังไง… ควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้ เรื่องเข้มข้นขึ้นแน่นอน

Leave a comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *