ไม่ว่าในเรื่องแนวไหน สิ่งที่สำคัญมากๆ คือ การทำให้คนดูต้องรู้สึกเอาใจช่วยตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นตัวละครเอกฝ่ายสว่าง หรือเป็นตัวเอกในฝ่ายมืดก็ตาม
เราเรียกว่าหน้าที่สำคัญของคนเล่าเรื่อง ในเนื้อเรื่องเราต้องทำให้คนดูหลงรักตัวละครก่อนอื่นใด เพราะคนดูจะได้อยากติดตามทุกก้าวย่างของตัวละครของเราเมื่อตัวละครออกเดินทาง เพราะคนดูจะได้เชียร์เขาเวลาเขาเจออุปสรรค
- แนวโรแมนติก เราจะต้องเชียร์ให้เขารักกัน
- แนวแอคชั่น เราจะต้องเชียร์ให้เขาชนะตัวร้าย
- แนวตลก เราจะต้องเชียร์ให้เขาชนะอุปสรรคของเขา(และต้องมีเสียงหัวเราะเป็นพื้นฐาน) ในเรื่องแนวนี้เชียร์ได้หลายทาง แต่ก็ต้องมีอะไรให้เชียร์
- แนวดราม่า เราจะต้องเชียร์ให้เขาข้ามผ่านอุปสรรคชีวิตให้ได้
- แนวทริลเลอร์ แนวฮอร์เรอร์ เราจะต้องเชียร์ให้เขารอดพ้นจากภัยพิบัติที่คุกคามชีวิตเขา
- แนวซัสเพนส์ เราจะต้องเชียร์ให้เขาค้นพบความจริงที่ถูกปิดบัง
สิ่งนี้จำเป็นมาก เพราะมันคือสะพานที่ทำให้คนดูเกิดอารมณ์ร่วมจนอินไปกับเรื่องราวที่เรานำเสนอในเรื่องแล้วอะไรล่ะ? ที่ทำให้คนดูรักตัวละครของเราจนต้องเอาใจช่วยให้เขาฟันฝ่าอุปสรรคของเขา และทำภารกิจของตัวเขาเองให้สำเร็จ
แอดเลยลองเอากลเม็ดที่ในการเขียน ที่ทาง Story BOWL ใช้จริงมาฝากกันค่ะ ใช้ได้ทั้งเรื่องสั้นและเรื่องยาวเลยนะ
1.ทำให้ตัวละครมีเสน่ห์
อันนี้ยากขึ้นมาอีกนิด …แต่มันจำเป็นจริงๆ
การสร้างเสน่ห์ในตัวละครไม่ง่าย เพราะตอนนี้เขาอยู่ในกระดาษ ยังไม่มีหน้าตา แล้วจะทำยังไง? เสน่ห์ในที่นี้ตอนเขียนเรื่องเรามีเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกได้ แต่สิ่งที่อยู่ภายในก็สร้างเสน่ห์ได้ค่ะ
หลักการเบื้องต้น ลองไปดูหลักการสร้างตัวละคร 9 แบบ ว่าเขาขับเคลื่อนด้วยอะไรไป ส่วนนี้จะช่วยสร้างเสน่ห์ให้ตัวละครได้หรืออีกแบบคือทำให้เงื่อนไขกับสิ่งที่เป็นมีความขัดแย้งกัน มี Gap ที่ห่างกันมากๆ ก็ช่วยเพิ่มได้ค่ะ เช่น เป็นหมอแต่โคตรไม่มีระเบียบ (คนส่วนใหญ่คิดว่าหมอต้องมีระเบียบ) ไรงี้
คุณสมบัติข้อเด่น/สิ่งที่เก่งก็สร้างเสน่ห์ได้ครับ นักเรียนหลังห้องที่คำนวนเก่งสุดๆ แต่ไม่ได้แสดงออก จัดเวทีให้เขาโชว์ให้คนดูได้เห็น
…แต่การใช้ความเก่งนี้ต้องระวังนิดนึงค่ะ บาลานซ์ไม่ดีอาจจะไปทิศทางที่น่าหมั่นไส้ได้เลย ส่วนนี้จะยากนิดนึง ต้องค่อยๆ ค้นหากันไปเพราะมันไม่มีสูตรตายตัว
2.เราต้องทำให้คนดูรู้จักตัวละคร
โดยเฉพาะข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้น เขาเป็นใคร ชื่ออะไร ทำอาชีพอะไร อายุประมาณเท่าไหร่ มีเงื่อนไข เช่น เก่งอะไร อ่อนแออะไร นิสัยเสียตรงไหน มีความใฝ่ฝันหรือปราถนาอะไร ขัดแย้งอะไรกับใครหรือกับอะไร ให้รู้จักเหมือนกับเรารู้จักกับเพื่อนเราคนหนึ่ง …และเราจะแนะนำคนๆ นี้ให้เป็นเพื่อนกับคนติดตามเรื่องค่ะ
ในช่วงแรกเลย ในตอน Set up เราต้องพยายามทำให้คนดูเห็นสิ่งเหล่านี้ให้มากที่สุดผ่านสถานการณ์ที่เราออกแบบขึ้นมา เพื่อให้คนดูกับตัวละครหลักทำความรู้จักกันให้เร็วที่สุด รู้จักกันแล้วต่อไปก็จะง่ายขึ้นค่ะ
3.ทำให้คนดูเข้าใจตัวละคร
หลังจากรู้จักแล้วเราต้องทำให้คนดูเข้าใจตัวละครของเราด้วยค่ะ อย่างน้อยที่สุด เราต้องเข้าใจเหตุผลในการโดดเข้าไปยังภารกิจของเขา เราต้องเข้าใจการตัดสินใจของเขา เข้าใจแต่เห็นด้วยไม่เห็นด้วยก็อีกเรื่องหนึ่งนะคะ เรามักจะใช้ช่วงเวลาชั่งใจก่อนเข้าไปทำภารกิจของตัวเอกในการให้ข้อมูลที่ทำให้คนดูเข้าใจเขาเบื้องต้น ส่วนที่เหลือ เราอาจจะต้องหาจังหวะในการเล่า เพราะการปล่อยให้คนดู “เอ๊ะ?” ก่อนแล้วค่อย “อ๋อ!” มันก็จะทำให้คนดูมีจังหวะในการติดตาม
ถึงตรงนี้ถ้าเราทำสำเร็จ คนดูจะเริ่มชอบตัวละครของเราแล้ว และเขาน่าจะพร้อมออกเดินทางไปกับตัวละครของเราแล้วค่ะ
4.สร้างภารกิจที่คนดูต้องเอาใจช่วย
เราได้สามข้อแรกมาแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาเดินหน้ากันแล้วค่ะ นั่นคือเรื่องของ”ภารกิจ”
ภารกิจที่คนดูต้องเอาใจช่วยนั้น แน่นอนว่ามันต้องมีความ Challenge ท้าทายตัวละคร มันต้องยากกว่าความสามารถเขา หรือเราจะหยิบเงื่อนไข ความขัดแย้งต่างๆ ของตัวละครมาใช้ก็ได้
เช่น สิ่งที่เขาต้องทำมันเป็นสิ่งที่เขาเกลียดหรือกลัว หรือเขาต้องร่วมภารกิจกับคนที่เขาขัดแย้ง หรือเขาต้องทำภารกิจทั้งๆ ที่เขามีความบกพร่องที่ไม่น่าจะทำภารกิจนั้นได้
5.หมั่นรังแกตัวละครของเราถึงเวลาทุบได้ก็ต้องทุบ
มีสิ่งให้เขาต้องไปทำแล้ว จะให้คนดูเอาใจช่วยเยอะๆ เราต้องหมั่นกลั่นแกล้งเขาค่ะ ถ้าเขาจะชนะเราต้องกระชากเขาลงมา อย่าให้เขาได้อะไรมาง่ายๆ “No Pain No gain” เขาต้องตะเกียกตะกาย ต้องดิ้นรน ในระหว่างนี้ คนดูได้ข้อมูลอะไรจากเขาเพิ่มเติมบ้างก็ได้ โดยเฉพาะในส่วนของปูมหลังที่ทำให้คนดู “เอ๊ะ” มาตลอด ก็ค่อยๆ ปล่อยให้ “อ๋อ” บ้าง
6.ให้เขามีช่วงเวลาที่สูญเสียบ้าง
เมื่อกลั่นแกล้งเขาจนหนำใจเราแล้ว …เราปล่อยให้เขาพังบ้าง ให้เขาอยู่คนเดียว ไร้ทางออก ทำให้คนดูอยากจะเดินเข้าไปปลอบเขา โอบกอดเขา ให้คนดูเห็นอกเห็นใจเขา และให้เขาค้นพบทางออกด้วยตัวเอง…
ถึงตรงนี้ คนดูควรจะมีความหวังไปกับเขาแล้วนะคะ รู้สึกฮึกเหิมพร้อมไปต่อ และเรื่องจะพาเขาไปสู่ภารกิจครั้งสุดท้าย ที่คนดูจะต้องเอาใจช่วยไปจนสุดทาง
7.บทสรุปของการเดินทาง
อันนี้แถมค่ะ ณ จุดสุดท้ายของการเดินทาง เราในฐานะพระเจ้าเราออกแบบได้นะคะ ว่าจุดสุดท้ายของการเดินทางของตัวละครของเราจะเป็นอย่างไร เขาจะได้ในสิ่งที่เขาต้องการ หรือเขาอาจจะไม่ได้ เขาอาจจะเป็นคนที่ดีขึ้น หรือเขาอาจจะเป็นคนที่แย่ลงแต่เข้าใจโลกมากขึ้น เขาอาจจะต้องจบชีวิตลง แต่ทิ้งการเรียนรู้บางอย่างไว้ให้คนดู
…เป็นแบบไหน อยู่ที่เราค่ะ
ในภาพยนตร์หนังมันจะว่าด้วยเรื่องการเรียนรู้และการเปลี่ยนแปลงในทางใดทางหนึ่งของตัวละครของเราเสมอ
เคล็ดลับอยู่ที่การจัดการในช่วงต้นค่ะ ข้อ 1 และข้อ 2 จะอยู่ในช่วงของการ Set up เรื่องราว ส่วนข้อ 3 นั้นอาจจะแตะๆ แต่จะกระจายอยู่ในส่วนต่างๆของเรื่องด้วยค่ะ
บทความโดยพี่เมษ ยิ้มสมบูรณ์